บริการที่ปรึกษาด้านบัญชีและภาษี (Accounting and Tax Consulting Service)

1.เมื่อการจัดการบัญชีและภาษีล้มเหลว

การจัดการด้านบัญชีและภาษีไม่ใช่เพียงกระบวนการบันทึกและรายงานตัวเลข แต่เป็นกลไกสำคัญในการสะท้อนฐานะทางการเงินที่แท้จริง และเป็นหลักฐานทางกฎหมายในการเสียภาษีอย่างถูกต้อง หากระบบควบคุมทางบัญชีอ่อนแอ หรือหากมีการบิดเบือนข้อมูลโดยเจตนา องค์กรอาจเผชิญความเสียหายทั้งด้านการเงิน ชื่อเสียง และความเชื่อมั่นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย

กรณีศึกษา 1: Wirecard (เยอรมนี, 2020)

Wirecard ซึ่งเป็นบริษัทฟินเทคชั้นนำของเยอรมนี เคยถูกยกย่องว่าเป็น “ดาวรุ่งแห่งยุโรป” จนกระทั่งปี 2020 เมื่อพบว่า เงินสดจำนวนกว่า €1.9 พันล้านที่บันทึกไว้ในบัญชี ไม่สามารถตรวจสอบได้จริง

ลักษณะการบิดเบือน: บริษัทใช้การบันทึกบัญชีแบบ fictitious cash balances โดยอ้างว่ามีเงินฝากในบัญชีธนาคารต่างประเทศ แต่ไม่สามารถยืนยันได้จาก bank confirmation ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญตามมาตรฐานการสอบบัญชี

ผลกระทบ: งบการเงินสูญเสียความน่าเชื่อถือทันที หุ้นราคาดิ่งลงกว่า 90% และบริษัทถูกบังคับให้ล้มละลาย นอกจากนี้ยังมีการฟ้องร้องต่อบอร์ดบริหาร ฐานละเมิดกฎหมายหลักทรัพย์และกฎหมายภาษี

กรณีนี้แสดงให้เห็นว่า การควบคุมภายในด้านการยืนยันยอดเงินสด (Cash & Bank Reconciliation) หากไม่เข้มแข็ง จะเปิดช่องให้เกิดการบิดเบือนทางบัญชีครั้งใหญ่

กรณีศึกษา 2: Luckin Coffee (จีน, 2020)

Luckin Coffee ถูกขนานนามว่าเป็น “Starbucks แห่งจีน” แต่ในปี 2020 บริษัทได้ยอมรับว่า ปั้นยอดขายเทียม (fabricated sales) มูลค่ากว่า $310 ล้าน

ลักษณะการบิดเบือน: บริษัทสร้าง fictitious transactions โดยออกใบเสร็จรับเงินปลอม (fake receipts) และบันทึกยอดขายเกินจริงเข้าสู่ระบบบัญชีรายได้ ซึ่งผิดหลักการของ TFRS 15 / IFRS 15 (Revenue Recognition) ที่กำหนดว่า รายได้จะต้องรับรู้เมื่อมีการส่งมอบสินค้าหรือบริการจริง

ผลกระทบ: หุ้นถูกเพิกถอนจากตลาด Nasdaq, บริษัทถูกปรับ $180 ล้านโดย SEC และต้องเผชิญการสูญเสียความเชื่อมั่นจากทั้งนักลงทุนและคู่ค้า

สำหรับนักบัญชี กรณีนี้สะท้อนถึงความสำคัญของ การตรวจสอบเอกสารประกอบรายได้ (Revenue Audit Trail) และ การตรวจสอบภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT audit) เพราะการบันทึกยอดขายปลอมย่อมทำให้รายงานภาษีขาดความถูกต้องด้วย

กรณีศึกษา 3: การลงโทษผู้สอบบัญชีของ Luckin (สหรัฐฯ, 2025)

นอกจากตัวบริษัทแล้ว ผู้สอบบัญชี (Auditor) ก็ไม่รอดพ้นจากความรับผิดชอบ ในปี 2025 PCAOB (Public Company Accounting Oversight Board) ของสหรัฐฯ ได้มีคำสั่ง เพิกถอนใบอนุญาตและปรับผู้สอบบัญชีที่ตรวจ Luckin Coffee เนื่องจากไม่สามารถปฏิบัติตามมาตรฐานการสอบบัญชีที่กำหนด เช่น การตรวจสอบความมีอยู่จริงของรายได้ (existence) และการยืนยันกับบุคคลภายนอก (external confirmation)

ผลกระทบ: กรณีนี้กลายเป็น “wake-up call” ต่อวงการสอบบัญชีว่า หากผู้สอบบัญชีไม่ปฏิบัติงานอย่างอิสระและรอบคอบ ก็อาจต้องรับผิดทางวินัยและกฎหมายเช่นเดียวกับองค์กร

บทเรียนสำคัญจากกรณีศึกษา

  • ระบบควบคุมภายในที่เข้มแข็ง เช่น การกระทบยอดเงินสด การตรวจสอบใบกำกับภาษี และการตรวจสอบเอกสารการขายที่แท้จริง มีบทบาทสำคัญต่อการป้องกันการบิดเบือน
  • หลักการบัญชีและภาษีต้องเดินคู่กัน เพราะการตกแต่งบัญชีรายได้หรือสินทรัพย์ ย่อมกระทบต่อการเสียภาษีโดยตรง และอาจนำไปสู่โทษทางกฎหมาย
  • ผู้สอบบัญชีต้องรักษาความเป็นอิสระและความระมัดระวังสูงสุด มิฉะนั้นจะสูญเสียความน่าเชื่อถือและอาจถูกลงโทษ

กรณีของ Wirecard และ Luckin Coffee แสดงให้เห็นว่า ความล้มเหลวด้านการจัดการบัญชีและภาษี ไม่ได้เป็นเพียง “ข้อผิดพลาดเชิงเทคนิค” แต่เป็น วิกฤติองค์กร ที่สามารถทำลายทั้งชื่อเสียงและมูลค่าทางธุรกิจได้ในพริบตา

2.กรอบกฎหมายและทฤษฎีด้านบัญชีและภาษีที่องค์กรไทยต้องปฏิบัติ

การปฏิบัติตามกฎหมายและมาตรฐานอย่างถูกต้องคือ “เส้นฐาน” ของความโปร่งใส (transparency) และความน่าเชื่อถือ (reliability) ของรายงานทางการเงิน รวมถึงความถูกต้องของภาษีที่ยื่นต่อรัฐ ด้านล่างคือองค์ประกอบหลักที่องค์กรไทยต้องรู้และทำ

2.1 พระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543 และกำหนดเวลายื่นงบการเงิน

บริษัทจำกัด/มหาชนต้องจัดทำบัญชีและงบการเงินตามมาตรฐานที่สภาวิชาชีพบัญชีกำหนด และจัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น (AGM) ภายใน 4 เดือน นับจากวันสิ้นรอบบัญชี จากนั้น ต้องยื่นงบการเงินต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า (DBD) ภายใน 1 เดือนหลังจากวันที่งบผ่าน AGM (กล่าวคือโดยทั่วไปไม่เกิน 5 เดือนหลังสิ้นปีบัญชี)

แนวทางของ DBD ระบุชัดว่าการไม่ยื่นตามกำหนดมีความผิดตามมาตราใน พ.ร.บ.การบัญชีฯ และอาจถูกปรับ/ดำเนินคดีได้ จึงควรวาง timeline ปิดบัญชี–ตรวจสอบ–อนุมัติ–ยื่นให้ครบถ้วนตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ (บัญชี)

2.2 มาตรฐานการรายงานทางการเงินไทย (TFRS) และการบังคับใช้

ประเทศไทยยึดแนวทาง “คอนเวอร์เจนซ์” กับ IFRS โดย TFRS มีผลบังคับไม่ช้ากว่า 1 ปีหลัง IFRS มีผล (เพื่อรองรับการแปลและกระบวนการทางวิชาชีพ) เช่น มาตรฐาน IFRS ที่มีผล ณ 1 ม.ค. 2023 ถูกบังคับใช้ในไทย 1 ม.ค. 2024 (อนุญาตให้ใช้ก่อนกำหนด)

มาตรฐานสำคัญที่เกี่ยวกับความเสี่ยงด้านการรายงาน/ภาษี ได้แก่

  • TFRS 9 เครื่องมือทางการเงิน – การวัดมูลค่า/การด้อยค่าและการเปิดเผยความเสี่ยงทางการเงิน
  • TFRS 15 รายได้จากสัญญาที่ทำกับลูกค้า – กำหนด 5 ขั้นตอน การรับรู้รายได้ ลดความเสี่ยง revenue inflation (มีผลในไทยตั้งแต่รอบบัญชีเริ่ม 1 ม.ค. 2019)
  • TFRS 16 สัญญาเช่า – ให้ผู้เช่ารับรู้ “สิทธิในการใช้ทรัพย์สิน/หนี้สินจากสัญญาเช่า” ในงบการเงิน (มีผลในไทยตั้งแต่รอบบัญชีเริ่ม 1 ม.ค. 2020)
  • TFRS 17 สัญญาประกันภัย – มีผลในไทยตั้งแต่ 1 ม.ค. 2025 (อนุญาตให้ใช้ก่อนกำหนด) ปรับรูปแบบการวัดหนี้สินประกันภัยเป็นมูลค่าปัจจุบัน + Risk Adjustment และรับรู้กำไร/ขาดทุนอย่างเป็นระบบ ทำให้ข้อมูลของธุรกิจประกันเปรียบเทียบกันได้โปร่งใสขึ้น (สอดคล้อง IFRS 17)

หมายเหตุ: หน่วยงานวิชาชีพไทยระบุว่าบางมาตรฐาน (เช่น TFRS 17) ใช้กับหน่วยงาน “มีความรับผิดชอบต่อสาธารณะ (PAEs)” ก่อน โดย TFAC เป็นผู้กำหนดกรอบและไทม์ไลน์การบังคับใช้ในประเทศ

2.3 กฎหมายภาษีอากร (ประมวลรัษฎากร): ภาษีเงินได้นิติบุคคล, ภาษีมูลค่าเพิ่ม, หัก ณ ที่จ่าย

ภาษีเงินได้นิติบุคคล (CIT)

  • งบครึ่งปี (แบบ ภ.ง.ด.51 / PND.51): ยื่นภายใน 2 เดือน หลังสิ้นสุด 6 เดือนแรกของรอบบัญชี (e-filing ขยายเวลาได้อีก 8 วัน) เป็นการประมาณกำไรทั้งปีและชำระครึ่งหนึ่งของภาษีประมาณการนั้น
  • งบทั้งปี (แบบ ภ.ง.ด.50 / PND.50): ยื่นภายใน 150 วัน นับจากวันสิ้นรอบบัญชี (e-filing มักขยายเวลา +8 วันตามประกาศปีนั้น ๆ)

ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)

  • ผู้ประกอบการจด VAT ต้องยื่นแบบ ภ.พ.30 รายเดือน และชำระภาษีตามกำหนดตามกฎหมาย (แนะนำให้ผู้อ่านเชื่อมโยงข้อมูลขาย–ซื้อกับระบบ e-Tax เพื่อลดความเสี่ยงเอกสารไม่ครบ) — อ้างอิงหลักเกณฑ์ของกรมสรรพากร

ภาษีหัก ณ ที่จ่าย (WHT)

  • ยื่นแบบตามประเภทเงินได้/คู่สัญญา (ภ.ง.ด.3/53 ฯลฯ) ภายในกำหนดเวลาของเดือนถัดไป ทั้งนี้กรณีจ่ายต่างประเทศและภาษีโอนกำไร ต้องพิจารณา แบบ ภ.ง.ด.54 และอนุสัญญาภาษีซ้อนที่เกี่ยวข้องด้วย (TRD กำหนดเส้นตายรายเดือนชัดเจน)

2.4 เอกสารอิเล็กทรอนิกส์: e-Tax Invoice & e-Receipt

ระบบ e-Tax Invoice & e-Receipt ของกรมสรรพากรเป็นกลไกสำคัญในการเพิ่มความโปร่งใส ตรวจสอบย้อนกลับได้ โดยเอกสารต้องลงลายมือชื่อดิจิทัล และรายงานไฟล์ XML ตามมาตรฐาน ขมธอ.3-2560 เข้ากรมฯ ภายในวันที่ 15 ของเดือนภาษีถัดไป (ทั้งช่องทาง Web Upload/Service Provider/Host-to-Host)

การใช้งานต้องมี Electronic Certificate จากกรมสรรพากร และปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศ/การเก็บรักษาข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่ TRD กำหนด (ลายมือชื่อดิจิทัล 2 ชั้น, โครงสร้าง XML, ebXML)

แม้โครงการ e-Tax เริ่มในรูปแบบสมัครใจ แต่แนวโน้มภาครัฐผลักดันให้แพร่หลาย เพื่อร่นความเสี่ยงใบกำกับภาษีไม่ชอบและเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจสอบภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)

2.5 กฎเกณฑ์ราคาโอน (Transfer Pricing)

ไทยบังคับใช้ กฎหมายราคาโอน (มาตรา 71 ทวิ / 71 ตรี แห่งประมวลรัษฎากร) ให้หน่วยธุรกิจที่มี ความเกี่ยวพันกัน ต้องทำธุรกรรม ตามหลัก arm’s length และยื่น แบบเปิดเผยรายการระหว่างกัน ภายใน 150 วันหลังสิ้นรอบบัญชี

เกณฑ์รายได้ ≥ 200 ล้านบาท/ปี ต้องยื่นแบบเปิดเผย และจัดทำเอกสารประกอบราคาโอน (Local File/Benchmark) ไว้ พร้อมให้ตรวจ ตามที่เจ้าพนักงานสรรพากรกำหนด (มัก 60–120 วันนับแต่วันแจ้ง) โทษปรับมีทั้งกรณีไม่ยื่น/ยื่นไม่ครบถ้วน/ข้อมูลไม่ถูกต้องตามกฎหมายลำดับรองที่เกี่ยวข้อง

2.6 บทบาทหน่วยงานกำกับดูแลที่ต้องรู้

  • DBD (กรมพัฒนาธุรกิจการค้า) — รับยื่นงบการเงินประจำปี, รายชื่อผู้ถือหุ้น, เอกสารทะเบียนธุรกิจตามกฎหมายการบัญชีและ พ.ร.บ.บริษัทมหาชน/บริษัทจำกัด (ยื่นงบภายใน 1 เดือนหลัง AGM)
  • กรมสรรพากร (TRD) — กำกับการยื่น/ชำระภาษี (CIT, VAT, WHT), e-Tax Invoice & e-Receipt, กฎหมายราคาโอน และแนวปฏิบัติภาษีที่ออกเป็นประกาศ/กฎหมายลำดับรอง (ติดตามปฏิทินภาษีและส่วนขยายกำหนดเวลา e-filing)
  • สภาวิชาชีพบัญชี (TFAC/FAP) — ออก/แปล/ประกาศใช้ TFRS และแนวทางทางวิชาชีพในไทย (รวมถึง TFRS 17 มีผล 1 ม.ค. 2025)
  • ก.ล.ต./ตลท. (SEC/SET) — กำกับบริษัทจดทะเบียนให้เปิดเผยข้อมูลทางการเงินอย่างเป็นธรรม/ทันเวลา
  • คปภ. (OIC) — ดูแลธุรกิจประกันภัยและความพร้อมด้านรายงานตาม TFRS 17 ของบริษัทประกันและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมนี้ (สอดคล้องกรอบ TFAC)

เช็กลิสต์ “ลงมือทำ” สำหรับผู้บริหารการเงิน/บัญชี

  1. วาง Closing Calendar ให้สอดรับกำหนด AGM และยื่นงบ DBD (≤1 เดือนหลัง AGM) พร้อมกำกับคุณภาพ working papers และการเปิดเผยตาม TFRS ที่เกี่ยวข้อง (เช่น 9/15/16/17)
  2. ทำ Tax Calendar ครอบคลุม 51 (ครึ่งปี), PND.50 (ทั้งปี), WHT รายเดือน และ VAT (ภ.พ.30) พร้อมกระบวนการทบทวนก่อนยื่นทุกครั้ง
  3. ประเมินความพร้อม e-Tax Invoice & e-Receipt (ลายมือชื่อดิจิทัล, XML, ขมธอ.3-2560, ช่องทางส่ง Host-to-Host/Service Provider) เพื่อลดความเสี่ยง VAT และเอกสารสูญหาย/ปลอมแปลง
  4. หากมี ธุรกรรมระหว่างกัน เตรียมแบบเปิดเผยและ เอกสารราคาโอน (Local File/Benchmark) ไว้ก่อนครบกำหนด 150 วันหลังสิ้นรอบบัญชี เพื่อลดความเสี่ยงประเมินย้อนหลังและค่าปรับ

สรุปสำหรับผู้อ่านสายมืออาชีพ

กรอบไทยผสาน กฎหมาย (DBD/TRD) กับ มาตรฐานรายงาน (TFRS/TFAC) และกลไกดิจิทัล e-Tax เข้าด้วยกัน เป้าหมายคือ ความเทียบได้–ความโปร่งใส–การจัดเก็บภาษีที่ถูกต้อง องค์กรที่วางระบบปิดบัญชี–ภาษี–การเปิดเผยข้อมูลตามกรอบนี้ จะลดความเสี่ยงจากการตรวจ/ประเมินย้อนหลัง และยกระดับความเชื่อมั่นของผู้มีส่วนได้เสียอย่างยั่งยืน

3.ความสำคัญของที่ปรึกษา

การมีที่ปรึกษามืออาชีพคือกลไกควบคุมเชิงรุก (preventive & detective controls) ที่ช่วยให้งบการเงิน “สะท้อนสาระสำคัญตามจริง” (faithful representation) และภาษี “ถูกต้อง ทันเวลา และตรวจสอบย้อนกลับได้” ลดความเสี่ยงการประเมินย้อนหลัง ค่าปรับเบี้ยปรับเงินเพิ่ม และความเสียหายเชิงชื่อเสียง

3.1 วัตถุประสงค์ของบทบาทที่ปรึกษา: Assurance vs Advisory

  • Assurance (ให้ความเชื่อมั่น): ตรวจทาน/ทวนสอบว่าการรายงานเป็นไปตาม TFRS และกฎหมายภาษี (เช่น pre-close review, technical memo, disclosure checklist) โดยรักษาความเป็นอิสระ
  • Advisory (ให้คำปรึกษา/ออกแบบระบบ): ออกแบบกระบวนการและควบคุม (policies, SOPs, RCMs), ระบบปิดบัญชี, ปฏิทินภาษี, e-Tax readiness, Transfer Pricing readiness รวมถึงอบรมทีมงาน

แนวทางปฏิบัติที่ดีคือ แยกทีม/แยกขอบเขต ระหว่างงานที่เสี่ยงกระทบความเป็นอิสระกับงานให้คำปรึกษา

3.2 สมรรถนะตามคุณวุฒิวิชาชีพ (Competency Mapping)

คุณวุฒิ

ขอบเขตความเชี่ยวชาญหลัก

ใช้เมื่อ

ผลงาน/หลักฐาน (Deliverables)

CPA (ผู้สอบบัญชีรับอนุญาต)

TFRS/TSA, การปิดบัญชี/เปิดเผยข้อมูล, ระบบควบคุมภายในด้านงบการเงิน

ต้องการความเชื่อมั่นต่อ FS, การเตรียมพร้อมก่อนตรวจสอบงบ (audit readiness)

Disclosure checklist, Accounting position paper, Close calendar & cut-off test, Management letter

ASEAN CPA

การเทียบมาตรฐานและการทำงานข้ามพรมแดนในอาเซียน (ไม่ใช่ใบอนุญาตลงนามสอบบัญชีในต่างประเทศ)

มีธุรกรรม/บริษัทย่อยในอาเซียน ต้องการ alignment กระบวนการบัญชี/ภาษี

Cross-border accounting policy, Regional consolidation & compliance map

TA (ผู้สอบบัญชีภาษีอากร)

ประมวลรัษฎากร, การยื่นแบบ (CIT/VAT/WHT), เอกสารภาษีและการตรวจสอบ

ต้องการทวนสอบความถูกต้องแบบภาษี, จัดทำ/ทบทวนเอกสารภาษี

Tax health check report, CIT/VAT/WHT review memo, Tax compliance calendar

3.3 บทบาทที่ปรึกษาตลอดวงจรปิดบัญชีและภาษี (End-to-End)

  • ก่อนปิดงวด (Pre-close): ทบทวนนโยบายบัญชี, การจำแนกธุรกรรมผิดปกติ, ประเด็นประมาณการ (impairment, provisions), การรับรู้รายได้ตาม TFRS 15, ค่าเช่าตาม TFRS 16, ประเด็นเครื่องมือทางการเงินตาม TFRS 9
  • ระหว่างปิดงวด (Close): ออกแบบ close checklist และ RACI (ผู้รับผิดชอบ/ผู้อนุมัติ), ทดสอบ cut-off, กระทบยอด GL–subledger–bank, คุมคุณภาพ working papers
  • หลังปิดงวด (Post-close): จัดทำ/ทบทวน Tax pack (CIT/VAT/WHT), ทำ VAT mapping (output–input reconciliation), WHT certificate control, จัดทำ tax provision & deferred tax
  • ระหว่างปี: e-Tax invoice & e-Receipt readiness, ควบคุมเอกสารอิเล็กทรอนิกส์, จัดทำ Transfer Pricing readiness (disclosure & Local File), อบรมทีมบัญชี/ภาษี

3.4 จุดควบคุมสำคัญที่ที่ปรึกษาช่วยออกแบบ/ทดสอบ (Key Controls)

  • รายได้ (TFRS 15): สัญญาลูกค้า–หลักฐานส่งมอบ–การออกใบกำกับภาษีต้องสัมพันธ์กัน (3-way match: contract–delivery–tax invoice), policy สำหรับ multiple performance obligations
  • เงินสด/ธนาคาร: bank reconciliation รายเดือน + บุคคลภายนอกยืนยันยอด (external confirmation) กรณีเสี่ยง
  • VAT: mapping GL กับ ภ.พ.30, ตรวจสอบรหัสภาษี, อายุภาษีซื้อ (input recovery window), ความครบถ้วนใบกำกับ, e-Tax XML schema
  • WHT: ตารางอัตรา/เงื่อนไขตามประเภทธุรกรรม, การออก หนังสือรับรองหัก ณ ที่จ่าย ตรงเวลา, ภ.ง.ด.3/53/54 สอดคล้อง GL
  • CIT: tax computation workbook มี reconciliation FS→Tax, ประเด็น add-back และ tax benefits, การตั้ง deferred tax พร้อม disclosure
  • สัญญาเช่า (TFRS 16): completeness of lease population, discount rate, modification accounting
  • เครื่องมือทางการเงิน (TFRS 9): การจัดชั้น (classification) และ ECL model ที่มีหลักฐานรองรับ
  • Transfer Pricing: policy arm’s length, TP disclosure, benchmarking & intercompany agreement

3.5 เกณฑ์คัดเลือกที่ปรึกษา (Selection Criteria)

  • ความน่าเชื่อถือทางวิชาชีพ: ใบอนุญาต/เลขทะเบียน (CPA/TA), ประสบการณ์อุตสาหกรรม, ประวัติงานเทคนิค (technical memos)
  • Methodology & Tools: close playbook, tax health-check methodology, e-Tax toolset, TP benchmarking approach
  • Independence & Ethics: นโยบายความเป็นอิสระ/ผลประโยชน์ทับซ้อน, การคุ้มครองข้อมูล (data governance)
  • ทีมงาน: โครงสร้างทีม, อัตราส่วนผู้จัดการ/ผู้ช่วย, การเข้าถึงผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง (IFRS/TFRS, TP, systems)
  • ผลงานที่ส่งมอบ (SoW/Deliverables): รายการงานชัดเจน พร้อมเส้นตายและรูปแบบไฟล์ (workpapers, checklists, memos)

3.6 KPI/ผลลัพธ์ที่วัดได้ (What “Good” Looks Like)

  • Financial Reporting: ปัญหาการเปิดเผย/ปรับปรุงจากผู้สอบบัญชีลดลง, งบผ่านภายใน timeline, quality of disclosures
  • Tax Compliance: การยื่นแบบครบ/ตรงเวลา 100%, ลดเบี้ยปรับเงินเพิ่ม, ประเด็น audit trail พร้อมใช้งาน
  • Process Maturity: มี Close calendar & RACI, Tax calendar, e-Tax readiness ผ่าน test, RCM ครอบคลุมจุดเสี่ยงสำคัญ
  • Knowledge Transfer: ทีมภายในเข้าใจ policy/ขั้นตอน และทำซ้ำได้ (repeatable)

3.7 ตัวอย่างขอบเขตงาน (Scope ตัวอย่างที่นำไปใช้ได้ทันที)

Accounting Close & Disclosure Readiness (8–12 สัปดาห์)

  • Gap assessment TFRS 9/15/16, ปรับปรุง policy, ทำ disclosure checklist, ทำ close calendar & cut-off testing
  • ส่งมอบ: Accounting position papers, Close checklist (Excel), Disclosure pack (Word)

Tax Health Check & Calendar Setup (4–8 สัปดาห์)

  • ทวนสอบ CIT/VAT/WHT 12 เดือนย้อนหลังแบบคัดเลือก, ทำ VAT mapping, ตั้ง Tax calendar, ออก AR list สำหรับเอกสารภาษี
  • ส่งมอบ: Tax health-check report (finding/impact/action), Tax calendar, แบบฟอร์มควบคุมใบกำกับ/หนังสือรับรอง WHT

e-Tax Invoice & e-Receipt Readiness (4–6 สัปดาห์)

  • ประเมินกระบวนการออกเอกสาร, ตรวจ schema/XML, ทดลองส่ง, ออก SOP retention & security
  • ส่งมอบ: e-Tax readiness report, SOP & work instructions, test logs

3.8 สรุปเชิงผู้บริหาร

  • CPA ยกระดับความเชื่อมั่นงบการเงินและการเปิดเผยข้อมูลตาม TFRS
  • ASEAN CPA เสริมศักยภาพการบริหารกลุ่มบริษัทในอาเซียนให้สอดคล้องกัน
  • TA ลดความเสี่ยงด้านภาษีและการประเมินย้อนหลังด้วยหลักฐานที่ครบถ้วน

การมีที่ปรึกษาที่ “ใช่” ตั้งแต่ต้น จะเปลี่ยนบทสนทนาจากการ “แก้ปัญหาย้อนหลัง” เป็นการ “ป้องกันอย่างเป็นระบบ” ทำให้องค์กรมั่นคง โปร่งใส และพร้อมเติบโตอย่างยั่งยืน

4.กรณีทุจริต: การตรวจสอบเชิงลึก

การตรวจสอบทุจริต (Fraud Examination / Forensic Accounting) คือชุดงาน fact-finding ที่อาศัยหลักฐานเชิงเอกสารและข้อมูลดิจิทัล เพื่อยืนยัน “ข้อเท็จจริงทางธุรกรรม” แยกจากความเห็นส่วนบุคคล เป้าหมายคือระบุ รูปแบบการกระทำ (scheme), ผู้เกี่ยวข้อง, มูลค่าความเสียหาย, ผลกระทบต่อภาษี/งบการเงิน และออกแบบ มาตรการแก้ไขและควบคุม ที่ทำได้จริง

4.1 วัตถุประสงค์และกรอบการทำงาน

  • ยืนยันข้อเท็จจริง (substantiation): ตรวจสอบการมีอยู่จริงและสิทธิหน้าที่ของรายการ (existence/rights & obligations) และสาระสำคัญตามจริง (faithful representation)
  • ประเมินผลกระทบ: ต่อ งบการเงิน (TFRS 9/15/16/17 ฯลฯ) และ ภาษี (CIT/VAT/WHT/TP) รวมถึงเบี้ยปรับ เงินเพิ่ม และการเปิดเผยข้อมูล
  • สนับสนุนการตัดสินใจ: ผู้บริหาร/คณะกรรมการตรวจสอบ (AC) ใช้เพื่อดำเนินการทางวินัย ดำเนินคดี เรียกคืนความเสียหาย และเสริมการควบคุม

4.2 บทบาทของคุณวุฒิวิชาชีพ

  • CISA (ISACA): เชี่ยวชาญ IT General/Application Controls, การแยกหน้าที่ (SoD), การดึงข้อมูล (data extraction), การติดตาม log และ CAATs/Data Analytics
  • CIA (IIA): เชี่ยวชาญ กระบวนการและการควบคุมภายใน (process & controls), walkthrough, RCM, governance และการรายงานต่อ AC
  • CCSA (IIA): ออกแบบ/อำนวยความสะดวก Control Self-Assessment ให้หน่วยงานประเมินความเสี่ยงและควบคุมด้วยตนเอง
  • CRMA (IIA): ให้ ความเชื่อมั่นต่อการจัดการความเสี่ยงระดับองค์กร (ERM) และการเชื่อมโยงควบคุมกับความเสี่ยงเชิงกลยุทธ์
  • CFE (ACFE): เชี่ยวชาญ Fraud Schemes, เทคนิคสัมภาษณ์, การติดตามเส้นทางเงิน/ทรัพย์สิน, การรวบรวมหลักฐานตามพยานหลักฐาน

แนวปฏิบัติที่ดี: ตั้ง ทีมสหวิชาชีพ (Accounting/Tax/IT/Legal/HR) และกำหนด “Chinese wall” เพื่อคงความเป็นอิสระ

4.3 วงจรการตรวจสอบทุจริต (Investigation Lifecycle)

  1. Intake & Triage: รับเบาะแส/สัญญาณผิดปกติ (tip, anomaly) → ประเมินความเร่งด่วนและความเสี่ยง
  2. Scope & Legal Hold: กำหนดขอบเขต, แหล่งข้อมูล, ผู้เกี่ยวข้อง และสั่ง preserve ข้อมูล (อีเมล/ERP/อุปกรณ์)
  3. Data Acquisition: ดึงข้อมูลจาก ERP/CRM/Bank/e-Tax/XML/Log โดยรักษา chain of custody
  4. Analytics & Tests: ใช้ CAATs/SQL/Python ทดสอบรายการผิดปกติ (ดู 4)
  5. Fieldwork & Corroboration: ตรวจเอกสารต้นทาง (source docs), third-party confirmations, walkthrough
  6. Interviews: ดำเนินการสัมภาษณ์ตามหลัก CFE (non-accusatory → accusatory)
  7. Quantification & Tax Impact: คำนวณความเสียหาย, ผลกระทบ CIT/VAT/WHT/TP, ดอกเบี้ย/เบี้ยปรับ/เงินเพิ่ม
  8. Reporting & Remediation: รายงานเชิงข้อเท็จจริง + แผนปรับปรุงควบคุม/นโยบาย

4.4 เทคนิควิเคราะห์ข้อมูลและการทดสอบหลัก (Accounting/Tax Analytics)

  • Journal Entry Testing: รายการรอบปิดงวด, เลขกลม (round-dollar), post หลังเวลาปกติ, ผู้บันทึก=ผู้อนุมัติ
  • Revenue Tests (TFRS 15): 3-way match สัญญา–หลักฐานส่งมอบ–ใบกำกับภาษี, cut-off, reverse sales ภายหลังสิ้นงวด, AR aging back-dated
  • Procure-to-Pay: ผู้ขายซ้ำซ้อน/บัญชีธนาคารซ้ำกับพนักงาน, PO>GR>Invoice mismatch, split PO, duplicate payments
  • Payroll: ghost employees, บัญชีธนาคารซ้ำ, OT ผิดปกติ
  • Benford’s Law/Outlier & Clustering: หา pattern ผิดธรรมชาติในยอด/ความถี่
  • VAT Analytics: กระทบยอด GL กับ ภ.พ.30, ตรวจ e-Tax XML Schema, อายุภาษีซื้อ, ใบกำกับภาษีเสี่ยง (เลขรัน/ผู้ออก/สินค้าที่ไม่สอดคล้องธุรกิจ)
  • WHT Cross-Check: รายการจ่ายที่ต้องหัก/อัตรา, หนังสือรับรองหัก ณ ที่จ่าย ตรงกับ GL และ ภ.ง.ด.3/53/54
  • Transfer Pricing (TP): margin analysis, intercompany terms, tested party, benchmarking และการเปิดเผย TP

4.5 สคีมทุจริตที่พบบ่อยและแนวทดสอบ

  • ปั้นยอดขาย (Fictitious/Inflated Sales): ลูกค้าผี, channel stuffing → ทดสอบใบส่งของ/หลักฐานขนส่ง, credit notes หลังงวด, VAT output vs dispatch
  • ผู้ขายเทียม & Kickback: ผู้ขายใหม่ไม่มีประวัติ, ธนาคารซ้ำกับพนักงาน → vendor vetting, bank validation, 3-way match
  • แทรกแซงสัญญาเช่า/เครื่องมือการเงิน: ตั้งค่า TFRS 16/9 ไม่ครบ, discount rate/impairment ไม่สมเหตุสมผล
  • Payroll Ghost: เลขที่บัญชีซ้ำ/ไม่มีภาษีหัก ณ ที่จ่าย → HR-Payroll-Bank reconciliation
  • Related-Party Tunneling/TP: ราคาย้ายกำไร, สัญญาไม่ arms’ length → TP file, APA/benchmark
  • VAT Carousel/Fake Tax Invoice: โซ่ภาษีเทียม → network analysis, ตรวจสถานะผู้ออกใบกำกับ/พิกัดสินค้า

4.6 หลักฐานและธรรมาภิบาลการสอบสวน

  • Chain of Custody: บันทึกแหล่งที่มา/เวลา/ผู้ดูแลทุกชิ้น
  • Evidence Grading: เอกสารต้นฉบับ > หนังสือยืนยันบุคคลภายนอก > สำเนา/อีเมล > คำให้การ
  • Four-Eyes Principle: ทบทวนโดยอย่างน้อย 2 ฝ่าย (investigator & reviewer)
  • PDPA/จริยธรรมแรงงาน: จำกัดข้อมูลส่วนบุคคลเท่าที่จำเป็น และดำเนินสัมภาษณ์อย่างเหมาะสมทางกฎหมาย

4.7 การคำนวณผลกระทบภาษี (Tax Impact)

  • CIT: คำนวณฐานภาษีที่ขาด/เกิน พร้อม reconciliation FS→Tax และ deferred tax ที่ต้องปรับ
  • VAT: ภาษีขาย/ซื้อที่ต้องปรับแก้ + ดอกเบี้ย/เบี้ยปรับตามประมวลรัษฎากร
  • WHT: ย้อนทบทวนการหัก/ยื่นไม่ครบ + ภาระเบี้ยปรับเงินเพิ่ม
  • TP: ปรับราคา/กำไร, ค่าปรับไม่ยื่นแบบ/เอกสาร, ดอกเบี้ยย้อนหลัง

4.8 ผลงานส่งมอบ (Deliverables) ที่ควรคาดหวัง

  • Investigation Report (ข้อเท็จจริงล้วน + ภาคผนวกหลักฐาน)
  • Loss & Tax Exposure Matrix (รายการ/จำนวนเงิน/มาตรา/ภาระดอกเบี้ย-เบี้ยปรับ)
  • Accounting & Tax Adjustments Pack (JV, disclosure, ภ.พ.30/ภ.ง.ด.50/51/3/53/54 ที่ต้องแก้)
  • Remediation Plan: ปรับนโยบาย/ควบคุม/SoD/ระบบ พร้อม RACI และเส้นตาย
  • Communication Plan: รายงาน AC/บอร์ด และการสื่อสารไปยังหน่วยงานกำกับ (ถ้าเข้าเกณฑ์สารสนเทศสำคัญ)

4.9 ตัวชี้วัดความสำเร็จ (KPI) และ “What Good Looks Like”

  • Time-to-Contain (จำกัดความเสียหายได้เร็ว), Recovery Rate (การเรียกคืน/ชดใช้)
  • Remediation Completion (ปิด action ตามกำหนด), Reoccurrence Rate (เหตุซ้ำลดลง)
  • Audit/Tax Findings ลดลง ในรอบตรวจถัดไป, คุณภาพ RCM/Close & Tax Calendar ใช้งานจริง

4.10 ข้อควรระวังเชิงกฎหมาย/จริยธรรม

  • ความเป็นอิสระของผู้ตรวจสอบ, conflict of interest, การใช้เอกสารอย่างเป็นธรรม
  • ประสาน ฝ่ายกฎหมาย ตั้งแต่ต้น (litigation hold/privilege) เพื่อคุ้มครองผลประโยชน์องค์กร

กล่องเครื่องมือ (Mini-Checklist นำไปใช้ได้ทันที)

  • ข้อมูลต้องดึง: GL (12–36 เดือน), Subledger (AR/AP/Inventory/Fixed Assets/Payroll), Bank statements, e-Tax XML, เอกสารสัญญา, Master data (Vendor/Customer), Logs (ERP/DB/Email)
  • ทดสอบอย่างน้อย:
    • JE analytics (cut-off, round-dollar, out-of-hours)
    • 3-way match: Contract/Delivery/Tax Invoice (ขาย) และ PO/GR/Invoice (ซื้อ)
    • VAT: GL↔ภ.พ.30, ตรวจ e-Tax XML, อายุภาษีซื้อ
    • WHT: GL↔หนังสือรับรอง↔ภ.ง.ด.3/53/54
    • TP: Margin & terms, Local File readiness
  • ควบคุมที่ต้องมี: SoD, Bank rec รายเดือน, Vendor onboarding, Close & Tax Calendar, RCM อัปเดต, Log review & alert

สรุปสำหรับผู้บริหาร

การใช้ทีม CISA-CIA-CCSA-CRMA-CFE อย่างบูรณาการ ช่วยให้การสอบสวนทุจริต แม่นยำ รวดเร็ว และอิงหลักฐาน พร้อมแปลงผลลัพธ์เป็น การปรับงบ/ภาษีและการออกแบบควบคุม ที่ลดโอกาสเกิดซ้ำได้จริง องค์กรจึงได้ทั้ง ความจริง, การเยียวยา, และ ความยั่งยืนของการควบคุม ในครั้งเดียว.

ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม? ติดต่อเราได้ที่:

📞 ขอคำปรึกษา: 08-0935-4426
💼 ฝ่ายขาย: 06-6036-4426, 095-460-9046
✉️ อีเมลฝ่ายขาย: Sale@inventsysgroup.com
🛠 ฝ่ายสนับสนุน: Support@inventsysgroup.com

✨ InventSys – ผู้เชี่ยวชาญด้าน IT Audit, Cybersecurity, Compliance และ Risk Management

 

Scroll to Top