บริการที่ปรึกษาด้านสารสนเทศ
(IT Consulting Services)

ในบริบทที่เทคโนโลยีสารสนเทศมีบทบาทสำคัญในการผลักดันและยกระดับศักยภาพขององค์กร การจัดการและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศอย่างมีประสิทธิภาพเป็นรากฐานที่สำคัญต่อการดำเนินงานในทุกระดับ ทั้งนี้ การเพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการทางธุรกิจด้วยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสม ช่วยให้องค์กรสามารถลดต้นทุน เพิ่มความรวดเร็ว และตอบสนองต่อความต้องการของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้อย่างทันท่วงที อีกทั้งการให้ความสำคัญต่อมาตรการด้านความมั่นคงปลอดภัยของระบบและข้อมูล ยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่นและปกป้องทรัพย์สินดิจิทัลซึ่งมีคุณค่าในเชิงยุทธศาสตร์ ภายใต้สภาพแวดล้อมที่มีความเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง องค์กรที่สามารถบูรณาการองค์ประกอบเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิผล จะมีความพร้อมในการปรับตัวและขับเคลื่อนสู่ความเติบโตอย่างยั่งยืน การบริหารจัดการและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านไอที (IT Infrastructure), การเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการทางธุรกิจ (Business Process Optimization), และการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูล (Cybersecurity & Data Protection) ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้องค์กรสามารถเติบโตและปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว
บริการที่ปรึกษาด้านสารสนเทศ (IT Consulting Services) เป็นโซลูชันที่ช่วยให้องค์กรสามารถ วางกลยุทธ์ ออกแบบ และพัฒนาโซลูชันไอทีได้อย่างเป็นระบบ (Strategic IT Planning & Solution Development) ครอบคลุมตั้งแต่ โครงสร้างพื้นฐานด้านไอที (IT Infrastructure), เทคโนโลยีการบริหารความเสี่ยง (IT Risk Management), ไปจนถึงการพัฒนาและบูรณาการระบบสารสนเทศในองค์กร (Enterprise IT Integration & Digital Transformation)
บริการของเรา ประกอบด้วยอะไรบ้าง?
การวางระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) ให้ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพเป็นกระบวนการที่ต้องดำเนินการอย่างเป็นระบบและมีกลยุทธ์ที่ชัดเจน ด้วยบริการที่ครบวงจรของเรา องค์กรของคุณจะได้รับการสนับสนุนจากทีมที่ปรึกษาด้านไอทีที่มีความเชี่ยวชาญเชิงลึก เพื่อช่วยให้ระบบไอทีของคุณสามารถรองรับการเติบโตของธุรกิจและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
1. การวางแผนกลยุทธ์ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT Strategy & Roadmap Development)
กลยุทธ์ด้านไอทีที่ดีต้องสอดคล้องกับเป้าหมายทางธุรกิจขององค์กร เราดำเนินการวิเคราะห์และกำหนดทิศทางด้านไอทีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความสามารถในการแข่งขันขององค์กร โดยอ้างอิงมาตรฐาน COBIT (Control Objectives for Information and Related Technologies), TOGAF (The Open Group Architecture Framework), และ ITIL (Information Technology Infrastructure Library)
- การประเมินสภาพแวดล้อมเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT Assessment & Gap Analysis) เพื่อวิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อน และโอกาสในการพัฒนา
- การออกแบบ IT Master Plan เพื่อกำหนดแนวทางและทิศทางในการพัฒนาเทคโนโลยีให้รองรับความต้องการทางธุรกิจ
- การคัดเลือกเทคโนโลยีและแพลตฟอร์มดิจิทัลที่เหมาะสม เช่น Cloud Computing, AI, และ IoT เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนในการดำเนินงาน
2. การออกแบบและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานไอที (IT Infrastructure & Cloud Solutions)
โครงสร้างพื้นฐานไอทีที่มีประสิทธิภาพเป็นรากฐานสำคัญในการดำเนินธุรกิจ เราใช้ แนวปฏิบัติจากมาตรฐาน ISO/IEC 27001, NIST Cybersecurity Framework และ ITIL เพื่อพัฒนาโซลูชันที่มั่นคงและมีเสถียรภาพ
- การออกแบบและปรับปรุงโครงสร้างเครือข่ายและ Data Center ให้มีความมั่นคงและรองรับการขยายตัวในอนาคต
- การพัฒนา Cloud Computing Solutions รองรับ Hybrid Cloud, Private Cloud และ Multi-cloud เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและลดต้นทุนการดำเนินงาน
- การบริหารทรัพยากรไอที (IT Asset Management) เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าสูงสุดในระยะยาว
3. การบริหารความเสี่ยงและความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cybersecurity & IT Risk Management)
ภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่เพิ่มขึ้นทำให้การบริหารความมั่นคงปลอดภัยเป็นปัจจัยสำคัญที่องค์กรต้องให้ความสำคัญ เราให้บริการด้าน Cybersecurity ตามมาตรฐานสากล เช่น ISO/IEC 27001, NIST 800-53, และ GDPR
- การประเมินความเสี่ยงทางไซเบอร์ (Cybersecurity Risk Assessment) เพื่อตรวจสอบช่องโหว่และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับระบบสารสนเทศขององค์กร
- การออกแบบมาตรการควบคุมด้านความปลอดภัยสารสนเทศ (IT Security Controls & Compliance) เช่น การใช้ Zero Trust Security Model, Multi-Factor Authentication (MFA), และ Security Information and Event Management (SIEM)
- การพัฒนา Business Continuity Plan (BCP) และ Disaster Recovery Plan (DRP) เพื่อให้มั่นใจว่าระบบสามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่องแม้ในกรณีเกิดภัยคุกคามหรือภัยพิบัติ
4. การออกแบบและบูรณาการระบบสารสนเทศองค์กร (Enterprise IT Solutions & System Integration)
การบูรณาการระบบไอทีช่วยให้กระบวนการทำงานภายในองค์กรเป็นไปอย่างราบรื่น ลดความซ้ำซ้อน และเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการข้อมูล
- การติดตั้งและบริหารระบบ ERP (Enterprise Resource Planning), CRM (Customer Relationship Management) และ Business Intelligence (BI) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานและตัดสินใจทางธุรกิจ
- การพัฒนา Custom Software & Web Applications เพื่อรองรับรูปแบบการทำงานที่เฉพาะเจาะจงของแต่ละองค์กร
- การบูรณาการระบบเดิมเข้ากับแพลตฟอร์มใหม่ (Legacy System Integration) เพื่อให้กระบวนการทำงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
5. การบริหารโครงการไอทีและการปรับเปลี่ยนสู่ดิจิทัล (IT Project Management & Digital Transformation)
การบริหารโครงการไอทีต้องใช้แนวทางที่เป็นระบบและมีประสิทธิภาพ เราใช้ PMBOK (Project Management Body of Knowledge) และ Agile Methodology ในการดำเนินโครงการไอทีเพื่อให้เป็นไปตามแผนที่กำหนด
- การบริหารโครงการด้านไอที (IT Project Governance) เพื่อให้มั่นใจว่าโครงการดำเนินไปตามกรอบงบประมาณ ระยะเวลา และวัตถุประสงค์ที่กำหนด
- การวางแผนการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล (Digital Transformation Strategy) เพื่อช่วยให้องค์กรของคุณสามารถแข่งขันได้ในยุคดิจิทัล
- การบริหารการเปลี่ยนแปลง (Change Management) เพื่อให้บุคลากรสามารถปรับตัวและใช้เทคโนโลยีได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ประโยชน์ที่จะได้รับจากบริการที่ปรึกษาด้านสารสนเทศ
1. การกำหนดกลยุทธ์ด้านไอทีที่สอดคล้องกับเป้าหมายทางธุรกิจ (Strategic IT Alignment with Business Objectives)
การบริหารเทคโนโลยีสารสนเทศให้สอดคล้องกับเป้าหมายขององค์กรเป็นปัจจัยสำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ที่ปรึกษาด้านสารสนเทศช่วยให้องค์กรสามารถวางกลยุทธ์ด้านไอที (IT Strategy) และแผนการดำเนินงาน (IT Roadmap) ที่สอดคล้องกับเป้าหมายทางธุรกิจ โดยใช้แนวทางที่อ้างอิงมาตรฐานสากล เช่น COBIT (Control Objectives for Information and Related Technologies) และ TOGAF (The Open Group Architecture Framework) เพื่อให้มั่นใจว่าเทคโนโลยีที่นำมาใช้สามารถสร้างคุณค่าให้กับองค์กร
2. การเพิ่มประสิทธิภาพโครงสร้างพื้นฐานและระบบสารสนเทศ (Optimized IT Infrastructure and System Performance)
การออกแบบและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศที่เหมาะสมช่วยให้องค์กรสามารถดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความซับซ้อน และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรไอที ที่ปรึกษาด้านสารสนเทศช่วยให้องค์กรสามารถออกแบบและวางโครงสร้างพื้นฐานด้านเครือข่าย ระบบคลาวด์ และศูนย์ข้อมูล (Data Center) ที่มีเสถียรภาพสูง (High Availability) และสามารถขยายตัวได้ในอนาคต (Scalability) อ้างอิงมาตรฐาน ISO/IEC 27001, ITIL (Information Technology Infrastructure Library), และ NIST Cybersecurity Framework
3. การบริหารความเสี่ยงด้านไอทีและความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ (IT Risk Management and Cybersecurity Resilience)
ในยุคที่ภัยคุกคามทางไซเบอร์มีความซับซ้อนมากขึ้น การบริหารความเสี่ยงด้านไอที (IT Risk Management) และความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cybersecurity) เป็นสิ่งที่องค์กรต้องให้ความสำคัญ ที่ปรึกษาด้านสารสนเทศช่วยให้องค์กรสามารถ ระบุความเสี่ยงด้านความมั่นคงปลอดภัย วางมาตรการควบคุมด้านความปลอดภัย และพัฒนาแผนสำรองข้อมูลและกู้คืนระบบ (Disaster Recovery & Business Continuity Planning – DR/BCP) ตามแนวทาง ISO/IEC 27005 (Information Security Risk Management), NIST 800-53 (Security and Privacy Controls), และ GDPR (General Data Protection Regulation)
4. การเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการทางธุรกิจและบูรณาการระบบสารสนเทศ (Enhanced Business Process Efficiency and IT Integration)
การบริหารจัดการข้อมูลและระบบสารสนเทศที่ดีช่วยให้องค์กรสามารถเพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการทางธุรกิจ (Business Process Optimization – BPO) และปรับปรุงระบบไอทีให้สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น ที่ปรึกษาด้านสารสนเทศช่วยให้องค์กรสามารถ บูรณาการระบบสารสนเทศ เช่น ERP (Enterprise Resource Planning), CRM (Customer Relationship Management), และ BI (Business Intelligence) เพื่อให้เกิดการจัดการข้อมูลอย่างเป็นระบบ และเพิ่มประสิทธิภาพในการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก (Data-Driven Decision Making)
5. การลดต้นทุนด้านไอทีและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากร (IT Cost Optimization and Resource Efficiency)
การบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานและทรัพยากรด้านไอทีให้เกิดความคุ้มค่าสูงสุดช่วยให้องค์กรสามารถลดต้นทุนในระยะยาว ที่ปรึกษาด้านสารสนเทศช่วยให้องค์กรสามารถ ประเมินและวิเคราะห์ต้นทุนด้านไอที (IT Cost-Benefit Analysis), วางแผนการใช้ทรัพยากรให้มีประสิทธิภาพ (IT Resource Optimization), และปรับปรุงกระบวนการด้านไอทีให้มีต้นทุนที่เหมาะสม โดยการนำ Cloud Computing, Virtualization, และ IT Service Management (ITSM) ตามแนวทาง ITIL มาใช้
6. การเพิ่มขีดความสามารถด้านการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล (Digital Transformation Enablement)
การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล (Digital Transformation) เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้องค์กรสามารถแข่งขันได้ในยุคดิจิทัล ที่ปรึกษาด้านสารสนเทศช่วยให้องค์กรสามารถนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น AI (Artificial Intelligence), IoT (Internet of Things), Blockchain, และ Big Data Analytics มาประยุกต์ใช้ในการดำเนินธุรกิจ นอกจากนี้ ยังช่วยวางแผนการเปลี่ยนแปลง (Change Management) เพื่อให้พนักงานสามารถปรับตัวและใช้เทคโนโลยีใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
7. การเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารโครงการด้านไอที (Improved IT Project Management and Governance)
โครงการด้านไอทีมักมีความซับซ้อนและต้องอาศัยการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ ที่ปรึกษาด้านสารสนเทศช่วยให้องค์กรสามารถ บริหารจัดการโครงการด้านไอทีได้อย่างเป็นระบบ โดยใช้แนวทางการบริหารโครงการที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล เช่น PMBOK (Project Management Body of Knowledge) และ Agile/Scrum Methodology เพื่อให้มั่นใจว่าโครงการด้านไอทีดำเนินไปตามระยะเวลาที่กำหนด ภายในงบประมาณ และสามารถส่งมอบคุณค่าให้กับองค์กรได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
8. การปฏิบัติตามกฎหมายและข้อกำหนดด้านความปลอดภัยของข้อมูล (Regulatory Compliance and Legal Adherence)
องค์กรที่ต้องดำเนินธุรกิจในสภาพแวดล้อมที่มีกฎหมายและข้อบังคับด้านความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูล ที่ปรึกษาด้านสารสนเทศช่วยให้องค์กรสามารถ ปฏิบัติตามมาตรฐานและข้อกำหนดทางกฎหมาย เช่น PDPA (Personal Data Protection Act), GDPR (General Data Protection Regulation), HIPAA (Health Insurance Portability and Accountability Act), และ PCI DSS (Payment Card Industry Data Security Standard) เพื่อหลีกเลี่ยงค่าปรับและลดความเสี่ยงจากการละเมิดข้อมูล
9. การเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง (Business Continuity and IT Resilience)
ที่ปรึกษาด้านสารสนเทศช่วยให้องค์กรสามารถ วางแผนด้าน Business Continuity และ Disaster Recovery ให้มีประสิทธิภาพ เพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง แม้ในกรณีเกิดภัยคุกคามทางไซเบอร์หรือภัยพิบัติทางเทคโนโลยี โดยอ้างอิงมาตรฐาน ISO/IEC 22301 (Business Continuity Management System – BCMS)
10. การเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันและนวัตกรรม (Competitive Advantage and Innovation Readiness)
องค์กรที่มีระบบไอทีที่แข็งแกร่งสามารถใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือในการสร้างนวัตกรรมทางธุรกิจ ที่ปรึกษาด้านสารสนเทศช่วยให้ธุรกิจสามารถนำแนวทาง IT Innovation มาใช้เพื่อสร้างโอกาสใหม่ ๆ ในตลาด และเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน โดยใช้เทคโนโลยี Cloud Computing, AI, RPA (Robotic Process Automation), และ Blockchain

การจัดการองค์ความรู้
ระบบบริหารจัดการองค์ความรู้ภายในองค์กรอย่างเป็นระบบ ครอบคลุมกระบวนการ จัดเก็บ, จัดระเบียบ, วิเคราะห์ และเผยแพร่ข้อมูล เพื่อให้บุคลากรสามารถเข้าถึงและแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งเสริมการเรียนรู้ร่วมกันและสนับสนุนการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์บนพื้นฐานของข้อมูลที่ถูกต้องและทันสมัย